โควิดอินเดีย ยังหนัก ทุบสถิติยอดตายต่อวัน

โควิดอินเดีย ยังหนัก ทุบสถิติยอดตายต่อวัน

โควิดอินเดีย ทุบสถิติยอดตายต่อวันต่อเนื่อง หลังพบผู้เสียชีวิตมากกว่า 4,500 ศพ ผู้เชี่ยวชาญคาดยอดผู้ป่วยสะสมอินเดียอาจแซงสหรัฐฯเดือน มิ.ย. เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม สำนักข่าวชาแนลนิวส์เอเชียรายงานว่าทางการอินเดียพบผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้น 4,529 ศพ ซึ่งถือเป็นจำนวนผู้ป่วยใหม่ต่อวันที่มากที่สุด นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้นในประเทศอินเดีย ทำให้ผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ราวๆ 280,000 ศพ

ขณะที่ประเทศอินเดียพบผู้ป่วยรายใหม่มากกว่า 260,000 ราย 

ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมในประเทศอินเดียมีมากกว่า 25 ล้านราย ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าตัวเลขทั้งสองจุดน่าจะสูงกว่าที่รายงานไว้ ทั้งนี้ทางการอินเดียเปิดเผยว่าการที่ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ในประเทศอินเดียลดต่ำลงกว่า 3 แสนรายเป็นวันที่สามติดต่อกัน ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าสถานการณ์กำลังดีขึ้น

โดยขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในอินเดียยังคงถือว่าวิกฤติรวมไปถึงโรงพยาบาลเผชิญปัญหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และถังอ๊อกซิเจนขาดแคลน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่าหากตัวเลขยังเพิ่มสูงขึ้นเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง ประเทศอินเดียอาจแซงประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะประเทศที่มียอดผู้ป่วยสะสมมากที่สุด

จะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ เว้นเสียแต่จะเป็นประชาชนชาวญี่ปุ่น, ผู้ที่พำนักถาวร, ครอบครัวของชาวญี่ปุ่น และผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศเป็นกรณีพิเศษ โดยการประกาศครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อสกัดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

อย่างไรก็ตามผู้โดยสารที่เดินทางมาจาก อินเดีย, มัลดีฟ, บังคลาเทศ, เนปาล และ ปากีสถาน จะไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ แม้แต่ผู้ที่พำนักในประเทศญี่ปุ่นก็ตาม เนื่องจากเกรงว่าจะมีเกิดการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์อินเดียที่แพร่เชื้อได้ง่ายกว่าโควิดทั่วไป

โดยชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาจากประเทศดังกล่าวจำเป็นต้องเข้ารับการกักตัว 6 วันในสถานที่ที่ทางการจัดเตรียมไว้ให้ พร้อมเข้ารับการตรวจหาเชื้อหลายครั้ง คำสั่งดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์นี้ ทำให้ขณะนี้ประเทศญี่ปุ่นใช้มาตรการดังกล่าวกับประเทศและพื้นที่ต่างๆทั่วโลกรวมแล้ว 159 แห่ง

สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย โพสต์แสดงความเสียใจ กรณีแรงงานไทยเสียชีวิต  2 ราย บาดเจ็บ 5 คน จากเหตุการยิงระเบิดของกลุ่มก่อการร้าย ณ ฉนวนกาซา สืบเนื่องจากกรณีวานนี้ 18 พ.ค. 2564 แรงงานไทยเสียชีวิตในอิสราเอล 2 ราย ในเหตุการณ์ยิงจรวดระเบิดของกลุ่มก่อการร้าย ในฉนวนกาซา วันนี้ เพจ Israel in Thailand สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้ระบุว่า 

“ขอแสดงความเสียใจที่จะแจ้งให้ทราบว่า แรงงานชาวไทยในภาคการเกษตรสองคนเสียชีวิตจากการยิงระเบิดปืนครกโดยขบวนการก่อการร้ายในฉนวนกาซา ทั้งนี้แรงงานทั้งสองเสียชีวิตในระหว่างกำลังทำงานอยู่ในโรงบรรจุภัณฑ์ในเขตเอชโคล

นอกจากนั้นยังมีแรงงานไทยได้รับบาดเจ็บสาหัสหนึ่งคน บาดเจ็บปานกลางหนึ่งคน และบาดเจ็บเล็กน้อยอีกห้าคน ทั้งนี้ หน่วยปฐมพยาบาลฉุกเฉินได้เข้าไปช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุ ก่อนจะส่งผู้บาดเจ็บบางคนไปยังศูนย์การแพทย์โซโรกาด้วยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อรับการรักษาพยาบาลต่อไป

สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต ขณะนี้รัฐบาลอิสราเอลได้ประสานงานกับสถานเอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อเตรียมการส่งร่างของแรงงานทั้งสองกลับสู่ประเทศไทย ขอให้ดวงวิญญานของทั้งสองท่านไปสู่สุคติ”

องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป เผย ‘ไฟเซอร์’ แช่ตู้เย็น ได้เดือนนึง

EMA หรือ องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป เปิดเผยว่าวัคซีน ไฟเซอร์ สามารถแช่ตู้เย็นได้เดือนนึง เพิ่มขึ้นจากข้อจำกัดเดิมที่อนุญาตให้แช่ได้แค่ 5 วัน

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่าองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป หรือ EMA ได้ออกมาเปิดเผยวัคซีนไฟเซอร์ที่ยังไม่ถูกเปิดสามารถเก็บในตู้เย็นได้นานถึงหนึ่งเดือน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางองค์การแนะนำว่าวัคซีนชนิดดังกล่าวสามารถเก็บในตู้เย็นได้ห้าวันเท่านั้น

โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการปรับเปลี่ยนข้อจำกัดนี้จะช่วยให้การกระจายวัคซีนในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรปเป็นไปได้ง่ายขึ้น เนื่องจากข้อจำกัดทางด้านอุณหภูมิและการจัดเก็บเป็นอุปสรรคสำคัญในการขนส่งวัคซีนชนิดดังกล่าว หากอ้างอิงตามตามคำแนะนำนั้นจากทางผู้ผลิตวัคซีนไฟเซอร์ จะพบว่าทางบริษัทได้ระบุว่าได้ขอให้ต้องมีการจัดเก็บวัคซีนในระดับความเย็นจัดระดับ -60 ถึง -80 องศาเซลเซียส

เผยแล้ว! ภาพ ปริศนา เด็กสาวร่างจม ไม่ใช่ภาพตัดต่อ !! ชาวเน็ตแห่กันรวมไขข้อสงสัย ร่างของเธอ หาย ไปไหนกันนะ? เมื่อวันที่ 17 พ.ค. 64 คุณแม่จากสหรัฐฯท่านหนึ่งได้ทำการลงรูป ภาพ ปริศนา เป็นรูปลูกสาวตัวน้อยของเธอ รูปภาพดังกล่าว เป็นรูปภาพของเด็กสาว ที่ดูแล้วเหมือนว่าร่างกายส่วนล่างของเธอ ได้ หาย จมลงไปในพื้นถนนครึ่งนึง

คุณแม่ท่านนั้น ยังได้เขียนแคปชั่นอีกว่า “ลูกสาวฉัน, อีกครึ่งนึงหายไปไหน!? อ๋ออ เข้าใจแล้ว, คูณหล่ะ?”

ในเวลาต่อมา กลายเป็นว่าภาพนี้กลายเป็นไวรัล มียอดกดไลค์กว่า 63,000ไลค์ พร้อมทั้ง 1,200 กว่าคอมเมนต์ ภาพนี้ถูกแชร์กันสนั่นในโลกโซเชียลเพื่อหาคำตอบว่า ร่างกายของเธอหายไปไหนกันนะ?

เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง